ประเภทบัญชีซื้อขาย
ช่วงที่แปดของการอบรมฟอเร็กซ์
ยินดีต้อนรับกลับสู่การอบรมฟอเร็กซ์อย่างมืออาชีพในตลาดการเงิน
ในส่วนนี้เราจะมาพูดถึงประเภทต่างๆ ของบัญชีซื้อขายและวิธีเลือกบัญชี ตลอดจนตลาดไมโคร (Micro Market)หรือผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker)ในบัญชี Directหรือ STP
มีคนจำนวนมากที่ต้องการเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ และเริ่มต้นการลงทุนโดยไม่รู้วิธีเลือกบัญชี หวังว่าเมื่อจบเนื้อหาส่วนนี้ คุณจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นกับการเลือกบัญชีที่เหมาะสม
บัญชีแบบสเปรดคงที่
ประเภทแรกของบัญชีซื้อขายคือบัญชีแบบสเปรดคงที่ เช่น ปริมาณสเปรดน้อยที่สุดตั้งแต่ 2 pip สำหรับ EURUSD ในสภาวะที่ตลาดไม่เสถียร ซึ่งมีการขึ้นและลงอย่างรุนแรง สเปรดของบัญชีประเภทนี้จะคงที่และไม่เปลี่ยนแปลง
สเปรดคือจำนวนที่มี 4ตัวเลข ปกติโบรกเกอร์จะนำเสนอสเปรดให้กับลูกค้าโดยไม่เปลี่ยนแปลงมูลค่า ดังนั้นโบรกเกอร์จะรับประกันมูลค่าต่อความผันผวนอย่างรุนแรงสำหรับคำสั่งประเภทต่างๆ ของลูกค้า เช่น คำสั่งล่วงหน้า โดยเฉพาะคำสั่งTake Profit และ Stop Loss
บัญชีแบบสเปรดลอยตัว
บัญชีซื้อขายประเภทที่สองคือบัญชีสเปรดแบบลอยตัว บัญชีนี้ใช้เงินทุนเริ่มต้นน้อยกว่าบัญชีสเปรดแบบคงที่ เช่น EURUSDจะเริ่มต้นที่ 1.5 pip อย่างไรก็ตาม เมื่อตลาดประสบกับความผันผวนอย่างรุนแรง ปริมาณของสเปรดจะเพิ่มขึ้นสูงมาก ในกรณีนี้สเปรดของEURUSDจะเพิ่มมากกว่ามูลค่าขั้นต่ำ 3 หรือ 4 เท่า สิ่งนี้รู้จักกันในชื่อ “การขยายของสเปรด (Spread Widening)”
โดยปกติบัญชีเหล่านี้จะอยู่ในรูปของ 5 ตัวเลข ทำให้ง่ายต่อการแยกแยะ เนื่องจากความผันผวนในตลาดจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาร์จิ้นของสเปรด มาร์จิ้นที่เปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลโดยตรงต่อคำสั่งของคุณ ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปิดหรือปิดคำสั่งที่คุณมีโดยอัตโนมัติ
บัญชีไดเร็ก (Direct)
บัญชีซื้อขายประเภทที่สามคือบัญชีไดเร็ก (Direct)
แบ่งออกเป็น
▪บัญชี STP หรือ Straight Through Processing
▪บัญชี ECN หรือ Electronic Communication Network
▪บัญชี NDD หรือ Non Dealing Desk
โบรกเกอร์จะนำเสนอบัญชีเหล่านี้ในตลาดฟอเร็กซ์โดยตรง และไม่มีการแทรกแซง นั่นหมายความว่าการขาดทุนและกำไรทั้งหมดจะสะท้อนจากตลาดอย่างตรงไปตรงมา โบรกเกอร์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการ ประเภทของบัญชีเหล่านี้อยู่ในรูปของตัวเลข 5 หลัก และประมวลผลการทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีการเชื่อมต่อระหว่างธนาคารที่เกี่ยวข้อง
ประเภทของค่าคอมมิชชั่นและสเปรด
สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับบัญชีเหล่านี้คือโบรกเกอร์บางรายจะเรียกเก็บเฉพาะสเปรด บางรายเรียกเก็บทั้งงสเปรดและค่าคอมมิชชั่น ในขณะที่บางโบรกเกอร์เรียกเก็บเพียงแค่ค่าคอมมิชชั่นเท่านั้น
หากเราพิจารณาที่เว็บไซต์ เช่น Exness คุณจะเห็นจำนวนเงินเริ่มต้นสำหรับบัญชี Standard บัญชี Cent และบัญชี Mini และเป็นศูนย์สำหรับบัญชี ECN ซึ่งแสดงถึงการคิดค่าคอมมิชชั่นของโบรกเกอร์
เมื่อดูที่เว็บไซต์ของกลุ่ม FIBO จะมีบัญชีอยู่หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นบัญชีคงที่ ลอยตัว NDD และ STP สเปรดขั้นต่ำสำหรับบัญชีคงที่คือ 2 สำหรับบัญชีลอยตัวคือ 0.8 สำหรับ NDD และ STP เริ่มจากศูนย์ โดยมีการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 0.003% สำหรับบัญชีทั้งหมด
ส่วนเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ Alpari-Forexจะแสดงยอดคงเหลือของบัญชีอย่างชัดเจน
โบรกเกอร์อีกรายคือ ICM ซึ่งจะให้บริการลูกค้าด้วยบัญชีหลายประเภท เช่น บัญชี Micro, Standard, Prime และ Professional โบรกเกอร์นี้จะไม่มีบริการบัญชี ECN ให้กับลูกค้า
ข้อเสียของบัญชีไดเร็ก
เมื่อพูดถึงข้อเสียของบัญชีไดเร็กปกติโบรกเกอร์มักจะโฆษณาและส่งเสริมให้ลูกค้าเปิดบัญชีประเภทเหล่านี้ รวมถึงบัญชีลอยตัวและโดยเฉพาะบัญชี ECN อย่างไรก็ตาม คุณควรทราบว่าบัญชีเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับสถาบันการเงินที่มีเงินทุนปริมาณสูง ไม่ใช่สำหรับตัวบุคคล
เนื่องจากบัญชีเหล่านี้จะมีสเปรดเพิ่มขึ้นสูงมาก ซึ่งไม่เหมือนบัญชีลอยตัวที่สเปรดสามารถขยายออกไปได้
ยกตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงิน EURUSD สเปรดสามารถเพิ่มสูงขึ้นถึง 29 pip และในตลาดทองคำสามารถสูงถึง 120, 130 หรือแม้แต่ 150pip นอกจากนี้เลเวอเรจสามารถลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อตลาดประสบกับความผันผวนรุนแรง และอาจลดเหลือที่อัตรา 1:25 (1 ต่อ 25)
ดังที่คุณเห็นในบัญชี ECN มูลค่าของเลเวอเรจไม่คงที่และสามารถลดลงได้ตลอดเวลา สิ่งนี้เป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับบัญชีและผู้ถือครองบัญชี ดังนั้นคุณควรมีสมาธิ 100% เพื่อพิจารณาการเลือกบัญชีอย่างรอบคอบ
ช่วงอันตรายที่สุดที่สามารถสร้างความสูญเสียมหาศาลคือ เมื่อนักลงทุนมีคำสั่งล่วงหน้า (Pending Order)นั่นเป็นเพราะคำสั่งยังไม่แน่นอน 100% และคำสั่งสามารถถูกสร้างขึ้นเมื่อใดก็ได้ จึงมีความเสี่ยงอย่างมากที่สเปรดจะเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อทำการปิดบัญชี การลดลงของเลเวอเรจก็เป็นเรื่องที่อันตราย ซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดปัญหาร้ายแรงสำหรับนักลงทุนได้
ผู้ดูแลสภาพคล่อง(Dealing Desk)
ต่อไปเราจะมาแนะนำเกี่ยวกับผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) หรือเรียกกว่า Dealing Deskปกตินักลงทุนจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับความหมายและวิธีการทำงานของผู้ดูแลสภาพคล่อง โดยพื้นฐานเราจะเปรียบเทียบ Market Makerกับ STP ตัวย่อของ Market Makerคือ MM หรือ DD (Dealing Desk)ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่ยอมรับความเสี่ยงในการถือครองจำนวนหุ้นของหลักทรัพย์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นๆ
หมายความว่าธุรกรรมทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การจัดการความเสี่ยงของโบรกเกอร์ และไม่อ้างอิงตามประเภทของบัญชี โดยไม่เกี่ยวข้องกับประเภทบัญชี เช่น สเปรดลอยตัว สเปรดคงที่ หรือ STP มีความเชื่อผิดๆ หลายอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ บ้างก็บอกว่า Market Makerไม่ได้รับคำสั่งและทุกคำสั่งจะถูกดำเนินการก่อน หรือกำไรของลูกค้าเท่ากับการขาดทุนของโบรกเกอร์ และในบัญชี STP โบรกเกอร์สามารถรับค่าคอมมิชชั่นได้เท่านั้น หรือบัญชีที่มี 4 หลัก จะไม่สามารถทำกำไรได้ในตลาด และมีเพียงบัญชี 5 หลักเท่านั้นที่สามารถอยู่ในตลาดได้
จากที่กล่าวมาข้างต้น สิ่งเหล่านั้นคือความเชื่อที่ผิด และในอนาคตเราจะอธิบายรายละเอียดกิจกรรมของโบรกเกอร์ทั้งหมด เพื่อให้คุณมีความเข้าใจมากขึ้น
บัญชีแบบสเปรดคงที่คือบัญชีที่อาจดีที่สุดสำหรับลูกค้า เพื่อให้สามารถลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ได้อย่างอิสระและมีความชัดเจน
โบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือจะนำเสนอบริการที่เหมาะกับลูกค้ามากที่สุดและเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขาย รวมถึงการแสดงข้อมูลต่างๆ ให้กับลูกค้าแบบทันที เช่น ราคาของธนาคาร
โบรกเกอร์จะมีข้อเสนอที่ดีที่สุดที่ให้กับลูกค้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ โบรกเกอร์ยังสามารถควบคุมเลเวอเรจและมูลค่าของกระแสเงินสดผ่านธุรกรรมภายในและรักษาสเปรดให้คงที่ ในตลาดจะมี “สัญญาณหลอก (Noise)”ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียกว่าความผิดปกติ เกิดขึ้นเมื่อราคาที่แสดงสูงกว่าราคาอื่นๆ ทั้งหมด สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกรองสำหรับคุณ
เราขอกล่าวอีกครั้งว่าโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ กำไรและการขาดทุนจะไม่ส่งผลต่อประเภทบัญชีของคุณ ไม่ว่าคุณจะคาดการณ์แนวโน้มของตลาดได้อย่างไร้ข้อผิดพลาดหรือไม่ถูกต้อง โบรกเกอร์จะดำเนินการกับคำสั่งของคุณทันที โดยเป็นไปตามตลาดและการลอยตัวของเงินทุนในขณะนั้น คุณอาจทำกำไรได้หรือต้องเผชิญกับการสูญเสียบางส่วน
คุณควรทราบว่าโบรกเกอร์มักจะชอบโฆษณาเกี่ยวกับบัญชีแบบลอยตัวและบัญชี ECN ดังที่เราได้กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าไม่เหมาะสำหรับลูกค้าเมื่อเทียบกับบัญชีแบบสเปรดคงที่ ซึ่งมีความสะดวกและประโยชน์มากกว่า
การทราบข้อมูลทั้งหมดจะช่วยให้คุณลงทุนได้อย่างปลอดภัยและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
สำหรับส่วนนี้จบลงเพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ในการอบรมส่วนอื่นๆ ขอให้โชคดี
Comments